2011/07/03

ดอยเต่า ดอยเต่า~~

เมื่อประมาณปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปงานเปิดธนาคารโรงเรียนที่ีดอยเต่ากับผู้จัดการสาขา พร้อมกับน้อยออยและคุณวัชคร้า

ในการเดินทางวันนั้น ต้องตื่นแต่เช้า เช้ามาก เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อทำภาระกิจส่วนตัว แต่ที่นัดกันจริงๆ ก็นัดกันที่บ้านผู้จัดการ เวลา 6.00 น.เช้าคร้า น้องออยมารับที่บ้านแล้วปบ้านผู้จัดการกัน

จากนั้นก็ออกเดินทางมุ่งสู่ดอยเต่า โดยแวะรับวัช ให้ขับรถให้ต่อ (เนื่องจากผู้จัดการเหนื่อยเพราะต้องเดินทางบ่อยมากในช่วงนี้ จึงขับรถไม่ไหวค่ะ) และแล้วเราก็นั่งรถเป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงค่ะ งีบหลับในรถด้วย เหอเหอ เนื่องจากคนขับมีน้องออยทำหน้าที่ชวนคุย ป้องกันคนขับหลับ เหอเหอ

พอไปถึงงาน ผู้จัดการก็เข้ารวมพิธี ส่วนสามหน่อผู้ติดสอยห้อยตาม ไปเล่นเด็กแทนที่จะเข้างาน (ซะงั้น 5555+)  พอดีเห็นพี่ตรีและลูกๆ นั่งอยู่ข้างสนาม ก็เลยเข้าไปหา แล้วก็เล่นเกมกับน้องๆ ซะเลย 

พอเสร็จพิธี ซึ่งใช้เวลาประมาณชั่วโมงเดียว พวกเราก็เดินทางกลับ แต่เราได้แวะข้างทางเล็กน้อยค่ะ ผู้จัดการพาเที่ยวคร้าาาา >____<

เราแวะที่ทะเลสาปดอยเต่า แต่ว่าน้ำแห้งมากก็เลยแค่ผ่านเข้าไปดู 

จากนั้นก็ผาวิ่งชู้ค่ะ แต่ป้ายบอกทางเล็กมากถ้าไม่สังเกตุก็คงไปผิดทางกันเลยล่ะ แต่ที่สำคัญ คงไม่ค่อยมีใครเข้ามาดูมาเที่ยว มันจึงดูรกๆ และเงียบมากเลยค่ะ แต่สวยค่ะ

จากนั้นเราก็แวะออบหลวงค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองสำหรับรินที่มาเที่ยวที่นี่ ครั้งแรกมากับพ่อแม่ แต่รันไม่ได้มา (รันเคืองทีเดียว 55555) 

ออบหลวงสวยมากค่ะ แต่น้ำเป็นสีแดง เพราะว่าช่วงนี้ฝนตกบ่อย ฉะนั้นน้ำจึงไม่ใสเลย แต่บรรยากาศเย็นสบาย น่านอน ผ่อนคลายจริงค่ะ

เอารูปมาฝากค่ะ

ผาวิ่งชู้ค่ะ



รินกะน้องออย  ^^




อีกมุมของผาวิ่งชู้



ถึงแล้วค่ะ ออบหลวง



ข้างทางปลูกต้นไผ่สวยมาก



ผู้จัดการ พี่ปัทใจดีพาเที่ยวค่้ะ >///<



ออบหลวงค่ะ น้ำแดงเลยทีเดียว


รู้สึกว่าตัวเองอ้วนจริงอะไรจริง 5555+

2011/05/15

ผีเสื้อกระท้อน!!!!

เมื่อตอนกลางวันเดินไปเดินมาบริเวณ แล้วไปเห็นผีเสื้อตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ตัวใหญ่มาก เคยเห็นบ่อยๆ ไม่เคยสนใจ แต่วันนี้อดไม่ได้ที่จะค้นหาข้อมูลมาประดับความรู้เสียหน่อย ว่าผีเสื้อตัวนี้เป็นพันธุ์อะไร 


 
 

ผีเสื้อหนอนใบกระท้อน หรือ ผีเสื้อยักษ์ 


เป็นผีเสื้อที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Attacus atlas อยู่ในวงศ์ Saturniidae จัดเป็นผีเสื้อกลางคืนชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ ระยะที่เป็นตัวหนอนกินใบกระท้อน, ฝรั่ง, ขนุน และใบดาหลา ตัวเมียวางไข่บนใบพืชอาหาร ลักษณะไข่กลมสีน้ำตาล ขนาดประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว ระยะฟักไข่ประมาณ 7 วัน เมื่อเป็นตัวหนอนมีปุ่มหนามทั่วตัว ลอกคราบ 5 ครั้ง หนอนวัยที่ 1 ขณะฟักออกจากไข่ ตัวยาวประมาณ 1 เซนติเมตร หนอนวัยที่ 5 ขนาดตัวยาวประมาณ 6 เซนติเมตร ระยะเวลาที่เป็นตัวหนอนประมาณ 1 เดือน ก่อนเตรียมตัวเข้าดักแด้ โดยการถักรังไหมสีน้ำตาลขนาด 3x6 เซนติเมตร หนอนลอกคราบเป็นดักแด้อยู่ในรังไหม ระยะดักแด้ 1-6 เดือน และลอกออกเป็นตัวเต็มวัยประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมไปจนถึงปลายปีและถึงต้นปีถัดไป



เมื่อโตเต็มวัย มีความยาวจากปลายปีกข้างหนึ่งไปถึงข้างหนึ่งได้ประมาณ 1 ฟุต ลําตัวยาว 4-5 เซนติเมตร กว้าง 1.5–2 เซนติเมตร ลําตัวและอกคลุมด้วยขนสีนํ้าตาลแดง ปีกสีนํ้าตาลแดงหรือสีน้ำตาลส้มมีลวดลายโดยเฉพาะบริเวณเกือบกึ่งกลางปีก มีลักษณะบางใสรูปคล้ายใบโพ และเมื่อเป็นตัวเต็มวัยแล้ว จะไม่กินอาหารและจะผสมพันธุ์เพื่อแพร่เผ่าพันธุ์อย่างเดียว
พบกระจายได้ทั่วไปในอินเดีย จนถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อินโดนีเซีย และตอนใต้ของจีน โดยจะพบมากในป่ากระท้อน


ชื่อสกุลและชื่อสายพันธุ์ของผีเสื้อหนอนใบกระท้อนนี้ มาจากคำว่า Atlas ที่หมายถึงเทพแอตลาส หนึ่งในหมู่เทพไททันในเทพปกรณัมกรีก ซึ่งเป็นเทพที่มีร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์และที่ทำหน้าที่แบกโลกไว้นั่นเอง






ตอนนี้ไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นมันบ่อย เพราะหลังบ้านมีต้นกระท้อนต้นใหญ่อยู่ 2 ต้น และยังมีต้นขนุนอีก เป็นอาหารสำหรับผีเสื้อยักษ์อย่างดีทีเดียว




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org

สู่งานที่มั่นคง

หลังจากที่ทำงานเป็นลูกจ้างรายวันเป็นเวลา 3 เดือน ในที่สุดก็สามารถสอบเป็นลูกจ้างประจำของ GSB ได้แล้ว ตลอดเวลาที่ทำงานในสาขา บางครั้งงานก็เยอะมากจนไม่มีวันหยุด เหนื่อยกายแต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยใจ 


เดือนหน้าจะต้องเริ่มงานใหม่ ที่ใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ ความกดดันยิ่งมาก แม้จะเป็นสายธุรการ สายสนับสนุน ไม่ได้ทำเกี่ยวกับงานเงินฝากหรือสินเชื่อก็ตาม แต่ก็จะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด สู้ สู้ สู้


ขอขอบคุณทุกคำช่วยเหลือ ทุกคำแนะนำจากผู้จัดการ ผู้ช่วย ลุง  ป้า และพี่ๆ น้องๆ ในสาขาทุกคน หวังว่าสักวันจะกลับมาทำงานร่วมกันที่สาขานี้อีก แต่ตอนนี้เพื่ออนาคต จะเลือกงานไม่ได้ เมื่อโอกาสมาถึงต้องคว้าเอาไว้ มุ่งสู่อนาคตที่ดีและมั่นคงต่อไปในวันข้างหน้า

2011/03/31

งานใหม่ ฮิ้ววววว~


ไม่ได้เข้ามาเขียนเสียนานเลย หลังจากมีเรื่องไร้สาระแต่เจ็บลึกๆ ในหัวใจ 

ตอนนี้ได้งานทำแล้ว แม้ว่าจะได้เงินเดือนน้อยนิด ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน 

แต่มันก็สบายใจกว่า ทั้งๆ ที่งานหนักกว่าและต้องกลับบ้านดึกเืกือบทุกวัน

เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี โหยหาวันหยุดอย่างแท้จริง 

ทำให้รู้ว่ากว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทมันช่างยากเย็นเหลือหลายนัก

ไม่เป็นไร ยังไงก็จะสู้

แม้ว่าจะคลุกฝุ่นบ้าง โดนพายุลมแรง ก็จะพยายามตะเกียกตะกายดิ้นรนต่อสู้ต่อไป




2011/02/06

why?

why did you born me? when you think i'm bad girl. i'm bad daughter for you. worst worst!!!

someday i will leave from you forever. you don't annoyed when you see me forever.

soon, gone forever..........

thank you for born me and i'm so sorry when i make you regret and fall for everything.

i'm so sorry, sorry.

2011/01/19

ตานข้าวใหม่

วันนี้เป็นวันพระ ตรงกับวันที่ 19 มกราคม 2554 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2 

แม่บอกว่าวันนี้ต้องไปตานข้าวใหม่ ไปทำบุญแต่เช้า

ดังนั้นวันนี้รินก็ต้องตื่นแต่เช้าเลย เพื่อไปทำบุญกับแม่ 

ไปคราวนี้ไปกันแค่ 2 คน เพราะพ่อ นิคกะอลิซ่า ไม่ได้ไปด้วย

ตอนเช้าเนี้ยหนาวมากๆ เลยอ่ะ 









เนื่องจากไปกันแค่สองคน เลยไม่ได้ถ่ายรูปตอนใส่ข้าวล้นบาตร 

เป็นครั้งแรกนะเนี้ยที่รินไปตานข้าวใหม่

แล้วตอนเย็นอลิซ่าก็ทำพิซซ่าเจ (แต่เข้าเตาอบตอน 3 ทุ่ม) น่ากินมากๆ เลย

โดยถาดหนึ่งเป็นเจ ส่วนอีกถาดเพิ่มกระเทียมกะเนยแข็งเข้าไป (ส่วนผสมเหมือนกันทุกอย่าง)

รินไม่ได้ช่วยทำหรอก เหอเหอ ก็ไปเรียนนิ

และแล้วพวกเราก็จัดการถาดที่สองจนเกลี้ยง 555+ 

รสชาติไม่เหมือนพิซซ่า แต่ก็อร่อยดี หุหุ


ถาดนี้มีกระเทียมกะเนยแข็ง น่ากินไหม.....และเราก็จัดการจนเกลี้ยง



ถาดนี้เป็นเจ เก็บไว้ให้แม่กินตอนเช้า เพราะมันดึกแล้ว



มาทำความรู้จักประเพณีตานข้าวใหม่กันดีกว่าค่ะ


วันเดือน 4 เหนือ ขึ้น 15 ค่ำ หรือเรียกว่าเดือน 4 เป็งเป็นประเพณีทานข้าวใหม่ และตานข้าวจี่ ข้าวหลาม ชาวลานนาไทยได้ถือเป็นประเพณีทาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ตอนที่จะมีข้าวใหม่มาทนนั้น จะขอเล่าความเป็นมาถึงการมีข้าวใหม่มาทานเสียก่อน คือ เราจะต้องทำไร่ทำนาข้าวก่อนจึงจะมีข้าวใหม่ทานได้ การทำนาได้ทำสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ลือพ่ออุ้ยพ่อหม่อน ปู่ลุง อาวอา สืบสานกันมาถึงลูกถึกหลาน เหลน ล้วนแต่มีการทำไร่ทำนากันทุกบ้านเรือน จะมีมากมีน้อยก็ตามฐานะของตน ผู้ไม่มีนาก็ได้เป็นเช่านาเขาทำบ้าง ไปรับจ้างเขาทำก็มีมาก เพื่อได้มาให้เพียงพอแก่ครอบครัว ถือเป็นอาชีพของคนลานนา ส่วนอาชีพอื่นเป็นอาชีพเสริม 

การทำนาสมัยก่อนต้องใช้แรงวัวแรงควาย ชักลากเฝือไถต้องเตรียมเครืองใช้ มีไถเฝือ แอกควาย แอกน้อย เชือกต่อสำหรับผูกแอก ผูกไถ เมื่อเดือน 8-9-10 มาเถิง ฝนเริ่มตกลงมา ชาวนาก็จะตกกล้า หรือหว่านกล้า เริ่มเอาน้ำเข้าตกกล้าก่อน แล้วนะเอาข้าวเชื้อ (พันธุ์ข้าว) ประมาณกี่ต๋าง (กี่เปี่ยด) แล้วแต่นามีมากน้อยเท่าไรแล้วนำข้าวลงแช่น้ำ 3 คืน แล้วเอาออกอุก (อม) เจ้าของจะไถนาทำแปลงหว่านกล้าเมื่อแช่ 3 คืน แล้วเอาออกใส่ถุงใส่ทอทับด้วยใบตอง แล้วอบไว้ 2 คืน เรียกข้าวน้ำ 3 บก 2 ก็จะแตกงอกจึงนำไปหว่านในแปลงนาที่จัดไว้ หว่านกล้าแล้ว เจ้าของนาก็จะไถนารอกล้า ถ้าน้ำอำนวยให้ จะหมักไว้จนขี้ไถยุบตัวลงหญ้าต่าง ๆ จะเน่ากลายเป็นปุ๋ยไปในตัว แล้วก็เริ่มเผือกกลับไปกลับมาให้เรียบ ก็ลงมือปลูกข้าวต่อจากนั้นก็ค่อยดูแลหญ้าและศัตรูพืชในขณะปลูกข้าวจะเอามือ เอาวันกัน ช่วยเหลือกันและกันไม่ต้องจ้าง มีแต่หาข้าวปลาอาหารไปเลี้ยงกันสามารถปลูกได้อย่างรวดเร็ว ไม่นิยมจ้างกันเช่นทุกวันนี้ เมื่อย่างเข้าเดือนกันยายน-ตุลาคม ข้าวจะตั้งก่องอกงามเรียกว่า สร้างต้นสร้างก๋อ พฤศจิกายน ข้าวก็ตั้งท้องออกรวง ธันวาคม ข้าวก็จะเหลืองอร่ามเต็มทุ่งนา ปลายเดือนก็เริ่มเก็บเกี่ยว แล้วมัดบ้างเป็นฟ่อนบ้าง แล้วรวมกันนวดฟากกับรางเรียกว่า (ฮางตี๋ข้าว) กว้างขนาด 1 เมตร ยาวประมาณ 4 เมตร ช่วยกันตีสนุกสนาน ส่วนมากมักตีกันตอนเย็นและเข้าคืน เพราะอากาศมันเย็นทำงานได้มาก แสงสว่างก็อยู่ใต้แสงเดือน และใช้เฟื่องจุดไฟแจ้งสว่างพอดีข้าวได้เสร็จแล้วก็ขนข้าวไปเก็บในยุ้งฉ่าง (หล่องข้าวหรือถุข้าว)
เมื่อเก็บเรียบร้อยแล้วก็ทำขวัญข้าว มื้อจันวันดีไล่ตามปักตืน วันผีกินวันคนกินทั้งข้างขึ้น และข้างแรม เมื่อได้วันดีแล้วก็เริ่มกินข้าวใหม่ ส่วนหนึ่งนำไปทำบุญแด่พระสงฆ์ สามเณร อุทิศส่วนกุศลให้บิดามารดาและพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วนั้น 

เมื่อถึงเดือน 4 เป็ง ประเพณีตานข้าวใหม่ ทำบุญตักบาตร(ข้าวล้นบาตร) ประชาชนก็นำข้าวเปลือกข้าวสารใหม่ ข้าวหลาม ข้าวจี่ ข้าวต้ม ขนมจ๊อก อาหาร น้ำตาล น้ำอ้อยไปใส่บาตรและยังมีพิธีบูชากองหลัวถวายเป็นพุทธบูชาอีก คือ พระภิกษุสามเณรและประชาชนชาวพุทธ ไปตัดเอาไม้จี่ ยาวบ้าง สั้นบ้างมาก่อเป็นกองหลัวทำเป็นเจดีย์แล้วจุดบูชาตอนเช้า เป็นการบูชาพระรัตนตรัย โดยความหมายเพื่อเผากิเลส ตัณหาให้หมดไป สมัยนี้มีให้เห็นน้อยเต็มทีเพราะไม้จี๋หายาก ถูกตัดฟันไปหมด ป่าไม้วอดวายไปหมดจนหาดูได้ยากแล้วเพราะมนุษย์คนเรานั้นหละ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://chomtong.com/html/tankaomai.html


.
.
.
.
.
.
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงสวยมากๆ (>///<)

แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูค่ะ เพราะกล้องมือถือถ่ายออกมาไม่สวย

แค่มองดูก็รู้สึกใจสงบค่ะ (>___<)

2011/01/05

โคมไฟใหม่

วันนี้ก็ได้ฤกษ์ติดโคมไฟใหม่ตรงบริเวณหน้าบ้านเสียที

หลังจากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน หุหุ

อวดโฉมโคมไฟใหม่เสียหน่อยจ้า















2011/01/03

สวัสดีปีกระต่าย 2011 [เดินทางกลับ+หมูกะทะ+วันเกิดอลิซ่า]

สวัสดีปีใหม่ ปีกระต่าย 2011 ย้อนหลังค่ะ

ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนาทุกประการจร้า (>///<)

และแล้วรินก็ต้องเดินทางกลับเชียงใหม่ วันที่ 31 ธันวา 2553 ฮิ้วววววว

โดยมีพ่อ แม่ นิค และอลิซ่า มารับที่หอน้ำเงิน จ.เชียงราย 

ทีแรกพ่อกะแม่บอกว่าจะไปเที่ยวแม่สาย แล้วก็เปลี่ยนเป็นเชียงแสน สุดท้ายก็.......

เที่ยวในม.แม่ฟ้าหลวงแทน เพราะขนของเยอะมาก อีกอย่างพ่อบอกว่ากลัวรถมีปัญหา กลับดึกอันตราย

เรามาถึงที่บ้านที่เชียงใหม่ประมาณบ่ายสี่ ซึ่งถือว่าเร็วมาก 

จากนั้นก็จัดของ สรุปแล้วไม่ได้เคาท์ดาวน์ เพราะเหนื่อยกะการเดินทาง เคาท์ดาวน์บนที่นอนซะงั้น 555

แต่ก็มีการกินหมูกะทะในอีกวัน คือวันที่ 1 มกราคม 2554 และยังเป็นวันเกิดของอลิซ่าด้วย 

จริงๆ แล้ววันเกิดของอลิซ่า คือ วันที่ 31 ธันวาคม 

แต่ถ้านับตามUSA ก็ถือว่าเข้าวันที่ 1 บ้านเราเป็นวันที่ 31 บ้านเค้าอ่ะนะ

โดยมีการแอบซื้อเค้กวันเกิดเซอร์ไพรส์อลิซ่าด้วย หุหุ


สถานที่แรกที่ไปคือวิหารพระเจ้าล้านทอง
















ที่ต่อมา ก็ สมเด็จย่า (แดดแรงมาก ร้อนมาก เพราะเป็นตอนเที่ยง)


 งานเลี้ยงปีใหม่ + วันเกิดอลิซ่า >>> หมูกะทะ นั้นเอง







แม่ก็กินเห็ดเหมือนเดิม เมนูเจ เห็ดอร่อยมากเลย อิอิ



เค้กวันเกิด น่ากินไหม เสียดายที่ไม่ใช่เค้กช็อกโกแลต


แอบมาเตรียมเค้ก



ให้เห็นกันชัดๆ





ผลไม้จัดซะน่ากินเชียว






อันนี้ถ่ายอีกวัน กล้องตัวใหม่ของน้ำตาล อยากได้มั้งอ่ะ (O_O)